คนเรานั้น ถ้ายังไม่รู้คุณค่าของชีวิต ก็จะไม่สามารถลิ้มลองรสชาติ ของมันได้ คนที่รู้คุณค่าของชีวิตเท่านั้น จึงจะเป็นผู้ที่มีความสุขสำคัยยิ่งกว่านั้น ก็คือ ต้อง ศรัทธา และ รัก ที่จะมีชีวิตอยู่
คงเป็๋นการยากที่จะบอกให้แน่ชัดลงไปว่า การเห็นคุณค่าความศรัทธาและรักชีวิตต้องทำอย่างไร จึงจะเป็นการรับประกันว่าเราจะมีความสุขแน่ๆ แต่อย่างน้อยที่สุดสิ่งสำคัญเบื้องต้นของคนที่จะมีความสุขได้ คือต้องรู้สึกพึงพอใจกับรูปรสสัมผัสตลอดจนความท้าทายต่างๆ ในชีวิต บางทีทัศนคติง่ายๆ เช่้นนี้ ถ้าคุณไม่มีและทำไม่ได้จะทำอย่างไรก้ไม่มีความสุข คุณเคยเฝ้าดูอากัปกิริยาของเด็กไร้เดียงสาบ้างหรือเปล่า เคยสังเกตความร่าเริงและความพึงพอใจที่ปรากฎในดวงตาของพวกเขาหรือไม่ แล้วเคยสงสัยบ้างไหมว่า ทำไมเด็กจึงมีความสุขกับตัวของเขาเองนัก
อาจจะจริง ที่คุณจะแย้งว่า เพราะเด็กไม่ต้องรับรู้อะไรมากเหมือนผู้ใหญ่ ไม่มีภาระให้ต้องแบกรับ ไม่มีความกดดัน แต่ลึกๆ ลงไปกว่านั้น สิ่งที่คุณอาจจะยังไม่ทันฉุกคิดคือ ความสุขของเด็กเกิดจากมุมมองต่อชีวิตที่แตกต่างจากผู้ใหญ่นั่นเอง หรือ กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ เด็กมองชีวิตเป็นความสุข หรือ สนุกสนาน ในขณะที่ผู้ใหญ่ ซึ่งมีความทุกข์คือคนที่มองชีวิตเป็นทุกข์ไปหมด ไม่ศรัทธาในการมีชีวิต ไม่เห็นคุณค่าชีวิตนั่นเอง
อย่าโทษตัวเอง
อย่าบอกตัวเองว่าเบื่อโน่นเบื่อนี่
กลัวนั่นกลัวนี่
จงคิดถึงเฉพาะสิ่งที่เป็นไปได้
และสิ่งที่คาดหวังแล้วทำให้ชุ่มชื่นหัวใจ
อย่าคิดถึงปัญหาในทันทีที่ลืมตาพบวันใหม่
และแม้ว่าในแต่ละวันจะเจอปัญหาบ้าง
จงคิดเสียว่าส่วนประกอบของปัญหา
มีมากมายเกินกว่าที่คุณจะโทษตัวเอง
เมื่อถึงยามค่ำก็พยายามหาความสุขจากการเปลี่ยนแปลงของช่วงเวลาให้ได้ ดวงอาทิตย์ตกดิน พระจันทร์ย่อมขึ้นมาแทนที่
จะเห็นได้ว่า รอบตัวคุณมีอะไรที่สามารถนำความสุขมาให้ได้มากมาย เพียงแต่ว่า คุณมองมันในมุมใหน และมองเห็นชีวิตตัวเองในมุมใหน
มุมที่มีค่าหรือมุมที่ไร้ค่า มุมที่เป็นสุขหรือมุมที่เป็นทุกข์
จงจำไว้ว่า แม้แต่ในวันที่แสนจะยุ่งเหยิง คนที่เห็นคุณค่าในชีวิตก็มีความสุขได้ เฉกเช่นกับคนที่วันทั้งวัน อาจไม่ต้องทำอะไร แต่หาความสุขไม่ได้ นั่นก็เพราะมองชีวิตตัวเองเป็นสิ่งไร้ค่า
จงรักตัวเองและปกป้องพลังงานของชีวิตที่ล้ำค่าของคุณ รวมทั้งเรียนรู้ที่จะรักสิ่งต่างๆ เพื่อตัวคุณเองด้วย เมื่อคุณรู้จักที่จะรักชีวิตของตัวเอง คุณก็จะเปิดรับสิ่งต่างๆ เข้ามาในชีวิตมากขึ้น